ทักษะและเทคนิควิธีการสอน
ทักษะและเทคนิคการสอน ความหมายคือความสามารถในการสอนอย่างมีประสิทธิภาพโดยสารถถ่ายทอดความรู้ต่างๆให้กับผู้เรียนได้ดี
เทคนิคการสอน หมายถึง กลวิธีต่างๆที่ใช้เสริมกระบวนการสอนการสอนการแบ่งทักษะการสอนมี 18ทักษะด้วยกัน จะแบ่งเหลือ 9 ทักษะ
ความสำคัญของทักษะการสอน
1.ทักษะนับเป็นจุดมุ่งหมายหมวดหนึ่งของการศึกษาซึ่งจะต้องฝึกควบคู่กับความรู้
2.เป็นการส่งเสริมความชำนาญคล่องแคล่ว
3.ช่วยให้เกิดความมั่นใจในตนเองมากขึ้น
4.ช่วยไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสอน
5.ช่วยให้งานสอนบรรลุตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
6.ช่วยให้การทำงานมีประสิมธิภาพและสามารถพัฒนางานสอนขึ้นไปอีก
7.ช่วยทำให้เกิดความชื่นชม ศรัทธาจากผู้เรียน
ทักษะการสอนพื้นฐาน หมายถึง ความสามารถในการสอน ซึ่งทักษะจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เองต้องฝึกฝน ผู้ที่เป็นครูควรได้มีการฝึกฝนเพื่อเป็นพื้นฐานในการสอนต่อไป เป็นที่เชื่อกันว่าการที่ครูจะมีความสารถในการใช้ทักษะให้ได้ผลนั้น
ทักษะการนำเข้าสู่บทเรียน
การนำเข้าสู่เรื่องที่จะเรียน เป็นขั้นการสอน หรือกิจกรรมที่จัขึ้น เพื่อเริ่มต้นทำการสอนเพื่อดึงความสนใจ ให้ผู้เรียนพร้อมที่จะติดตามบทเรียนต่อไป
จุดมุ่งหมาย
1.เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความพร้อมในการที่จะเรียน
2.เพื่อโยงประสบการณ์เดิมของผู้เรียนเข้ากับประสบการณ์ที่จะสอน
3.เพื่อจัดบรรยากาศของการเรียนให้เป็นที่น่าสนใจอยากเรียนรู้
4.เพื่อกำหนดขอบเขตของบทเรียนว่าจะเรียนอะไร
5.ผู้ให้ผู้เรียนรู้ความหมายรู้ความคิดรวบยอด
การใช้ทักษะการนำเข้าสู่บทเรียน
- ก่อนเริ่มบทเรียนที่จะสอน
- ก่อนเริ่มอธิบาย
- ก่อนเริ่ม ตั้งคำถาม
- ให้นักเรียนอธิบาย
เทคนิคการนำเข้าสู่บทเรียน
1.ใช้อุปกรณ์การสอนเช่น รูปภาพ
2.ให้นักเรียนลองทำกิจกรรมบางอย่างที่สัมพันธ์กับบทเรียน
3.ใช้เรื่องเล่า นิทานหรือเหตุการณ์ต่างๆ
4.ตั้งปัญหา ทายปัญหาเพื่อเร้าความสนใจ
5.สนทนาซักถามถึงเรื่องต่างๆ
6.ทบทวนบทเรียนเดิมที่สัมพันธ์กับบทเรียนใหม่
7.แสดงละคร
8.ร้องเพลงซึ่งเป็นเพลงที่เกี่ยวข้อง
9.สาธิต ซึ่งอาจจะสาธิตโดยครู
10.ทำสิ่งที่แปลกไปจากเดิม
11.ให้นักเรียนฟังเสียงต่างๆ
ทักษะการใช้กิริยาวาจา ท่าทางในการสอน
การใช้วาจากิริยา ท่าทางในการสอน นับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งของครูบุคลิกภาพของครูเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง รวมทั้งความสามารถในการสื่อความหมาย
เทคนิคการใช้วาจา กิริยา ท่าทางประกอบการสอนและบุคลิคภาพ
1.การเคลื่อนไหวแหละการเปลี่ยนอิริยาบถ ครูควรเดินด้วยท่าทางที่เหมาะสมสง่างามและดูเป็นธรรมชาติ
2.การใช้มือและแขน ใช้มือประกอบท่าทางในการสอน ซึ่งจะเป็นการดึงดูดความสนใจของนักเรียนเพราะนักเรียนสรใจดูสิ่งที่เคลื่อนไหวมากกว่าสิ่งที่นิ่ง
3.การแสดงออกด้วยสีหน้า สายตา เป็นส่วนกนึ่งที่ใช้สื่อความหมายกับผู้เรียน ผู้เรียนจะเข้าใจความรู้สึก สีหน้าของครูต้องล้อยตามสัมพันธ์กับความรู้สึกดังกล่าวด้วย
4.การทรงตัวและการวางท่าทาง ควรวางท่าทางให้เหมาะสมไม่เครียดเกินไป
5.การใช้น้ำเสียง ต้องใช้ภาษา “ร” ”ล”ต้องชัดเจน ควรพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าฟังห้ามเสียงดังหรือตวาด
6.การแต่งกาย การแต่งกายนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญกับครูในการเสริมบุคลิกภาพดึงดูดความสนใจ ผู้สอนต้องแต่งกายให้เรียบร้อยตามสมัยนิยม โดยคำนึงถึงวัย รูปร่างและความเหมาะสม
ทักษะการอธิบาย จะเชื่อมโยงเรื่องที่จะสอนกับสิ่งที่เป็นรูปธรรมการยกตัวอย่างประกอบการอธิบายเพื่อขยายสาระสำคัญได้ อาจทำได้ 2 ทาง คือ
1.แบบนิรนัย(Deductive System) คือการอธิบายโดยบอกกฎหรือหลักการ
2.แบบอุปนัย(Inductive System) คือเป็นการยกตัวอย่าง รายละเอียดย่อยๆ ซึ่งเข้าใจง่าย
เทคนิคการอธิบาย
1.เวลาที่ใช้ในการอธิบายไม่นานเกินควร
2.ภาษาที่ใช้ง่ายแก่การเข้าใจ
3.สื่อการสอน หรือตัวอย่างน่าสนใจ
4.ครอบครุมใจความสำคัญได้ครบถ้วน
5.การอธิบายเริ่มจากเรื่องที่เข้าใจง่ายไปหาเรื่องยาก
6.ท่าทางในการอธิบายน่าสนใจ
7.ใช้แนวความคิด
8.มีการสรุปผลการอธิบายด้วย
ทักษะการเร้าความสนใจ
การเร้าความสนใจสำคัญอย่างยิ่ง จะช่วยให้เด็กเกิดความสนใจในการเรียนไม่เบื่อหน่าย เช่น การเล่านิทาน การดูวีดีโอคลิป เป็นต้น
เทคนิคการเร้าความสนใจ
1.การใช้สีหน้า ท่าทางประกอบการสอน เช่น การมอง ยิ้ม ส่ายหน้า โบกมือ ผงกศรีษะ ชี้ กวักมือ เป็นต้น
2.การใช้ถ้อยคำและน้ำเสียง ถ้อยคำที่ครูใช้และน้ำเสียงเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจเรียน ควรมีการเน้นหนักเบาในคำพูด
3.การเคลื่อนไหวของครู ครูควรเปลี่ยนจุดนั่งและจุดยืนของตน
4.การเน้นจุดสำคัญของเรื่องและการเว้นระยะการพูดหรืออธิบายครูควรฝึกเน้นคำพูด สำเนียง จังหวะ
ทักษะการใช้คำถาม เวลาถามต้องถมอย่างมีจุดประสงค์ของการถาม ควรรู้ว่าคำถามมีหลายประเภท แต่ละประเภทใช้เพื่ออะไร
ประเภทคำถาม มีอยู่ 3 ประเภท
1.คำถามที่ใช้ความคิดพื้นฐาน เนคำถามง่ายๆไม่ต้องใช้คำถามลึกซึ้งอะไรมากนัก
2.คำถามเพื่อการคิดค้น เช่น ถามความเข้าใจ การนำไปใช้ การเปรียบเทียบ เหตุผล สรุปหลักการ
3.คำถามที่ขยายความคิด
3.1การคาดคะเน เป็นคำถามเชิงสมมุติฐาน คาดการณ์ ซึ่งคำตอบย่อมเป็นไปได้หลายทาง
3.2การวางแผน คำถามที่ผู้เสนอแนวคิด วางโครงการหรือเสนอแผนงานใหม่ๆ
3.3การวิจารณ์ เป็นคำถมที่ผู้ตอบพิจารณาเรื่องราว ชี้ข้อดีข้อเสีย
3.4การประเมินค่า คือ การนำมาเปรียบเทียบกัน
เทคนิคการใช้คำถาม
- ถามด้วยความมั่นใจ
- ถามอย่างกลมกลืน
- ถามโดยใช้ภาษาที่พูดเข้าใจง่าย
- ให้นักเรียนมีโอกาสตอบได้หลายคน
- การเลือกถาม บางครั้งครูควรเลือกถามเพื่อจุดประสงค์ของครู
- การเสริมกำลังใจ หรือให้ผลย้อนกลับ
- ใช้คำถามหลายๆประเภทในการสอนแต่ละครั้ง
- การใช้กิรกยา ท่าทาง เสียงในการประกอบการถาม
- การใช้คำถามรุกหมายถึง การใช้คำถามต่อเนื่อง
ทักษะการใช้อุปกรณ์การสอน
อุปกรณ์การสอนจะเป็นจุดรวมความสนใจ สามารถเพิ่มความเป็นรูปธรรม และความเป็นจริงต่อการเรียนรู้ได้มากขึ้น
ประโยชน์ของอุปกรณ์การสอน
- กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดควมสนใจ
- ให้โอกาสผู้เรียนได้มีส่วนร่วม
- ทำให้ผู้เรียนเกิดแนวคิด
- ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการศึกษา
- ทำให้ผู้เรียนามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้แม่นยำ
- ช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์เดิมของผู้เรียน
เทคนิคการใช้อุปกรณ์การสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้อย่างคล่องแคล่ว
- แสดงอุปกรณ์ให้เห็นได้ชัดทั่วห้อง
- ควรหาที่ตั้ง วาง แขวนอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่
- ควรใช้ไม้ยาว ชี้แผนภูมิ แผนที่ กระดารดำ
- ควรนำอุปกรณ์มาวางเรียงกันไว้เป็นลำดับ
- ควรใช้เครื่องมือประกอบการใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม
- ควรมีการเตรียมผู้เรียนล่วงหน้าก่อนการใช้อุปกรณ์
- พยายามเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ร่วมกิจกรรม
- ควรใช้อุปกรณ์ให้คุ้มค่ากับที่ได้เตรียมมา
- ควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้อุปกรณ์บางชนิด
ทักษะและเทคนิคการใช้กระดานดำ
- ครูควรทำความสะอาดกระดานดำทุกครั้งที่สอน
- ในการเขียนกระดานดำควรแบ่งครึ่ง แบ่งเป็น 3 ส่วน
- ในการเขียนกระดานดำควรเขียนจากซ้ายมือไปขวามือ
- หัวข้อเรื่องควรเขียนไว้ตรงกลางกระดานดำ
- ขณะเขียนต้องยนห่างกระดานดำพอประมาณ แขนเหยียดตรง ควรทำมุมประมาณ 45 องศา
- ในการเขียนตัวหนังสือ ต้องให้เป็นเป็นเส้นตรงไม่คดเคี้ยว
- ถ้าต้องการอธิบายข้อความบนกระดานไม่ควรยืนบัง
- ถ้ามีข้อความสำคัญควรใช้ชอล์กขีดเส้นใต้
- ควรใช้ชอล์กสีเมื่อต้องการเน้นข้อความ
- เขียนคำตอบลงนกระดานเพื่อเป็นการเสริมกำลังใจ
- เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเขียนกระดานดำ
- ถ้าจะขึ้นเรื่องใหม่ควรลบของเก่าให้หมดเสียก่อน
- การลบกระดานต้องลบจากบนลงล่าง
ทักษะการเสริมกำลัง หมายถึง การให้กำลลังใจผู้เรียน เช่น การให้คำชมเชย หรือแสดงพฤติกรรมที่ปรารถนาดีแก้ผู้เรียน
ประเภทของการเสริมกำลังใจ
- การเสริมกำลังใจที่เกิดจากภายใน
- การเสริมกำลังใจภายนอก
- การเสริมกำลังใจโดยให้นักเรียนมีสวนร่วมในการชมเชย
เทคนิคการเสริมกำลังใจ
- เสริมกำลังใจในจังหวะที่เหมาะสม
- เสริมกำลังใจย้อนหลัง
- ไม่พูดเกินความจริง
- ไม่ใช้คำพูดที่จำกัดในวงแคบใช้วิธีเสริมกำลังใจหลายวิธีห้ามใช้ซ้ำๆ
- ไม่ควรเสริมกำลังใจบางประเภทบ่อยเกินไป
- ใช้วิธีเสริมกำลังใจต่างๆกันและในโอกาสต่างๆกัน
- การเสริมกำลังใจควรเป็นไปในทางบวกหรือลบ
- เสริมกำลังใจโดยใช้คำพูดให้เหมาะสมกับวัย
- การเสริมกำลังใจไม่ควรมาจากครูอย่างเดียวควรมาจากสิ่งแวดล้อมเช่นปรบมือ
- หาวิธีเสริมกำลังใจให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน
ทักษะการสรุปบทเรียน
รูปแบบของการสรุปบทเรียน มี 2 รูปแบบ คื อ
- การสรุปด้านเนื้อหาสาระ คือ การเชื่อมโยงความรู้ หรือเนื้อหาสาระที่สำคัญเข้าด้วยกัน
- การสรุปด้านความคิดเห็น คือ การทำให้เห็นแนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนว่าได้เรียนรู้และเกิดแนวคิดอะไร เพื่อได้เป็นแนวทางการค้นคว้าต่อไป
เทคนิคการสรุปบทเรียน มีดังนี้
- สรุปโดยการอธิบายสั้นๆ ชัดเจน ทบทวนสาระสำคัญที่เรียนมา
- สรุปโดยใช้อุปกรณ์ หรือรูปภาพประกอบ
- สรุปโดยการสนทนาซักถาม
- สรุปโดยการสร้างสถานการณ์
- สรุปโดยนิทาน หรือการยกสุภาษิต
- สรุปโดยการปฏิบัติ เช่น การให้สังเกต การสาธิต เป็นต้น